วันพุธที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2553

NAGASAKI WESLEYAN UNIVERSITY 長崎ウエスレヤン大学

NAGASAKI WESLEYAN UNIVERSITY  
長崎ウエスレヤン大学 「NAGASAKI WESLEYAN DAI GAKU」



นางาซากิ Wesleyan University  เป็น สถาบันอุดมศึกษาเอกชน ใน Isahaya, นางาซากิ, ญี่ปุ่น. โรงเรียนบรรพบุรุษของโรงเรียน Cobleigh Seminary ก่อตั้งขึ้นในปี 1881 ที่ Higashi - Yamate ในนางาซากิ ซึ่งก่อตั้งขึ้นเป็นโครงการมิชชันนารี ของคริสตจักร Methodist. Chinzei Gakuin เปลี่ยนชื่อใน 1 906 ที่เป็นสถาบันและสถาบันในฐานะของชาร์เตอร์ดจูเนียร์วิทยาลัยใน 1,966 เป็น. ในสองพันสองแปรสภาพเป็นสี่ปีวิทยาลัยไอที


เป้าหมายของสถาบัน
นางาซากิ Wesleyan University เชี่ยวชาญในการทำงานเพื่อสังคมและการศึกษาสวัสดิการสังคม. สถาบันพยายามที่จะส่งเสริมแนวคิดที่กว้างขึ้นและความเข้าใจลึกของสังคม - สวัสดิการการสื่อสารทั่วโลกและความสัมพันธ์ชุมชนขึ้นอยู่กับพื้นฐานของการบริการของมนุษย์. เพื่อส่งเสริมเป้าหมายนี้นักเรียนทุกคน คาดว่าจะเข้าร่วมในการจัดเรียงของกิจกรรมการเรียนรู้บริการบางอย่างได้ตามความต้องการสำเร็จการศึกษา

International Outlook
มหาวิทยาลัยมีแนวโน้มระหว่างประเทศที่โดดเด่น. มหาวิทยาลัยทำการติดต่อกับมหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกา, ฟิลิปปินส์, ประเทศไทย และประเทศอื่น ในความพยายามที่จะสร้างความสัมพันธ์ของโรงเรียนและส่งเสริม การแลกเปลี่ยนนักศึกษาและอาจารย์. เพื่อศึกษาภาษาและวัฒนธรรมญี่ปุ่น

เตรียมตัวก่อนไปเรียนญี่ปุ่น

เตรียมตัวก่อนไปเรียนญี่ปุ่น


เอกสารสำคัญ
ควรนำเอกสารสำคัญอื่น ติดตัวไปด้วย เพื่อใช้ในการติดต่อกับสถาบันการศึกษาหรือหน่วยงานอื่น ตามความจำเป็น เช่น เอกสารแสดงผลการเรียน , ผลการสอบวัดระดับภาษาญี่ปุ่นใบเสร็จต่าง เพื่อเป็นหลักฐาน เช่นใบเสร็จค่าตั๋วเครื่องบิน รวมถึงจดหมายตอบรับหรือจดหมายติดต่อกับทางสถาบัน เอกสารทุกชุด ควรมีการถ่ายสำเนาไว้ให้กับผู้ปกครอง เผื่อกรณีเอกสารสูญหาย จะได้มีสำรองไว้

เสื้อผ้า
ในระดับมหาวิทยาลัยส่วนใหญ่ นักศึกษาสามารถแต่งกายได้ตามสบาย ยกเว้นสถานศึกษาแต่เพียงบางแห่ง อย่างไรก็ตาม เสื้อผ้าที่นำไปควรจะเป็นแบบเรียบง่าย ใส่ได้ทุกยุคทุกสมัยมากกว่าจะเป็นเสื้อผ้าตามแฟชั่น 
เสื้อกันหนาวอาจจะไปซื้อเพิ่มเติมที่ญี่ปุ่น ซึ่งจะได้แบบที่เข้ากับคนที่นั่น และเหมาะสมกับสภาพอากาศมากกว่า ฤดูใบไม้ผลิ และใบไม้ร่วง จะต้องเตรียมแจ๊กเก็ต และสเว็ตเตอร์กันหนาว ฤดูร้อน ให้เตรียมเสื้อบางเบา แขนสั้น ฤดูหนาว จำเป็นต้องมีเสื้อคลุมโอเว่อร์โค้ต และแจ๊กเก็ตชนิดหนาเป็นพิเศษ สำหรับฤดูหนาว นอกจากนั้นก็เตรียมชุดไทยสำรองไว้ ในบางโอกาสและงานโรงเรียน

ตำรา
ตำราประกอบการเรียนบางประเภท อาจมีความจำเป็น โดยเฉพาะในช่วงแรก ที่ยังไม่คุ้นกับภาษา เช่น หนังสือบทสนทนาเบื้อต้นพจนานุกรม , Dictionary ไทย-ญี่ปุ่น เป็นต้น

เงินสด
ควรเตรียมเงินสดเป็นเงินเยนไปด้วยจำนวนหนึ่ง สำหรับค่าใช้จ่ายปลีกย่อยต่าง เช่นค่าพาหนะ ค่าอาหาร หรือซื้อของเล็กน้อย โดยแลกเป็นเงินเยนไปจากเมืองไทยจะสะดวกและได้อัตราที่ดีกว่า นอกจากนั้นอาจจะซื้อเช็คเดินทางเป็นเงินเยน ซึ่งสามารถซื้อได้ที่ธนาคารทั่วไป ติดตัวไปด้วย เมื่อไปถึงญี่ปุ่นแล้วค่อยเปิดบัญชีธนาคารในญี่ปุ่น เพื่อให้ทางบ้านโอนเงินไปให้

ของที่ระลึก
ตามธรรมเนียมของคนญี่ปุ่นแล้ว มักจะให้ของกำนัลให้แก่กัน เช่นเวลาไปบ้านใคร ก็จะนำของติดไม้ติดมือไปฝาก เทศกาลต่าง ก็นิยมให้ของขวัญกัน น้องๆควรเตรียมของที่ระลึกที่แสดงถึงสัญลักษณ์ความเป็นไทย ที่มีน้ำหนักไม่มากนักติดไปด้วย เผื่อในโอกาสที่ต้องมอบของให้กับคนญี่ปุ่นหรือเพื่อน ชาติอื่น


กระเป๋า
ไม่ควรที่จะต้องถือกระเป๋าหลาย ใบ เพราะนักศึกษาต้องดูแลสัมภาระของตนเอง เพียงกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ และกระเป๋าสะพายติดตัวอีก 1ใบก็พอ

การเตรียมตัวด้านสุขภาพ
น้องๆที่สุขภาพไม่แข็งแรง หรือมีโรคประจำตัวควรปรึกษาแพทย์ เพื่อขอคำแนะนำในการนำยาติดตัวไป ซึ่งปริมาณยาควรนำติดตัวไปให้เพียงพอสำหรับในระยะหนึ่ง และนำใบกำกับการสั่งยาเพื่อไปซื้อเพิ่มเติมที่นั่น รวมถึงการขอใบรับรองแพทย์เพื่อนำไปแสดงกับด่านศุลกากรด้วย

การเตรียมตัวด้านภาษา
ควรเตรียมความพร้อมทางด้านภาษาญี่ปุ่นเอาไว้บ้าง เพราะในชีวิตประจำวันจำเป็นที่จะต้องใช้ภาษาญี่ปุ่นในการสื่อสารกับคนญี่ปุ่น นอกจากนั้น น้องๆควรจะเตรียมตัวศึกษาคำศัพท์เฉพาะทาง ที่เกี่ยวข้องกับวิชาที่เรียน เพื่อช่วยให้เข้าใจบทเรียนได้เร็วยิ่งขึ้น





ฤดุในญี่ปุ่น 日本の季節 「ni hon no kisetsu」

ฤดูในญี่ปุ่น 
日本の季節 「ni hon no kisetsu」

ฤดูในญี่ปุ่น สภาพภูมิอากาศในญี่ปุ่น ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีความต่างทางสภาพภูมิอากาศอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วทางเหนือ จะมีอากาศหนาว และอบอุ่นเรื่อยๆลงมาทางตอนใต้ ชาวญี่ปุ่นจึงให้ความสนใจต่อการพยากรณ์อากาศ และที่สำคัญการพยากรณ์ของประเทศเค้าช่างแม่นยำจริงๆ ญี่ปุ่นมี 4ฤดูด้วยกัน ดังนี้นะครับ
ฤดูหนาว 冬 「fuyu」 (ธันวาคม-กุมภาพันธ์) : อากาศจะค่อยๆหนาวขึ้นเรื่อยๆ ไล่ลงมาตั้งแต่ตอนเหนือลงไปตอนใต้ อย่างเช่น ขณะที่โตเกียวมีอุณหภูมิประมาณ 10 องศาเซลเซียส ทางตอนเหนืออาจจะมีอุณหภูมิอยู่ที่ 2-3 องศาเซลเซียส แม่น้ำลำคลองและทะเลสาปเริ่มเป็นน้ำแข็งแล้วทุกแห่งก็จะปกคลุมไปด้วยหิมะ อากาศหนาวเย็นแต่ผู้คนกลับมีความสุขเพราะจะได้เล่นกีฬาที่นิยมเล่นกันในฤดู หนาว คือ สกี เช่นที่เมืองซัปโปโระจะมีเทศกาลหิมะก็จะมีการสร้างประติมากรรมขึ้นมาจากหิมะ และมีการแข่งขันประกวดกันด้วย ส่วนตัวเราเองชอบฤดูหนาว เพราะว่ามันหนาว.. และจะมีโอกาสได้เห็นแฟชั่นเสื้อกันหนาวแจ๋วๆ ของบรรดาผู้หญิง ผู้ชาย เมืองญี่ปุ่น เห็นบางชุดอาจจะอุทานออกมาอย่างเสียงหลงเลยก็ได้ ว่า มันคิดได้งัยอ่ะ !!
ฤดูใบไม้ผลิ 春 「haru」 (มีนาคม-พฤษภาคม) : อากาศเริ่มย่างเข้าสู่ความอบอุ่นหลังจากเผชิญกับความหนาวเย็นมานาน ต้นไม้ดอกไม้ต่างผลิใบสีเขียวเริ่มเข้าสู่การมีชีวิตชีวาอีกครั้ง ลมที่พัดก็พาเอากลิ่นไอของต้นไม้ใบหญ้าหอมสดชื่นไปทั้งเมือง หลายคนมองว่าเป็นฤดูที่น่าเที่ยวที่สุดโดยเฉพาะดอกซากุระสีชมพูจะบานสะพรั่ง ในหน้านี้ ซึ่งช่วงที่ดอกซากุระบานเต็มที่นั้นทั้งชาวญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยวจะออกมา ชมความงามกันอย่างพร้อมเพรียง ก็ปีนึงมีให้ชมกันแค่ครั้งเดียว ไม่พลาดอยู่แล้ว ช่วงนี้แฟชั่นในญี่ปุ่นจะคึกคักมากสลัดคราบทึมๆของเสื้อกันหนาว มาสู่เสื้อผ้าสีสันสดใสต้อนรับฤดูใบไม้ผลิ ไอ้ที่เค้าโฆษณา ฮารุชะ เนี่ยะก็ช่วงนี้แหละ ชาเขียวยอดแรก ที่เก็บเกี่ยวหนึ่งปีมีครั้งเดียว ว่าแล้วต้องลองดูหน่อย
ฤดูร้อน 夏 「natsu」 (มิถุนายน-สิงหาคม) : ฤดูนี้จะมีฝนตกเป็นบางช่วงนานประมาณ 5 สัปดาห์ ชาวนาก็จะเริ่มฤดูทำนา พอเข้าสู่เดือนกรกฎาคมท้องฟ้าสีครามสดใสอากาศก็จะร้อนขึ้นเรื่อยๆจนไม่แพ้ เมืองไทยเลยทีเดียว จึงเป็นช่วงที่เหมาะแก่การไปเที่ยวทะเล แฟชั่นชุดว่ายน้ำก็หาดูได้ไม่ยากตามชายหาดทะเล แล้วคุณหนุ่มๆทั้งหลายต้องน้ำลายหยดติ๋งๆกับแฟชั่นที่หลุดมาจากแคทวอร์ค จริงๆ หน้านี้จะมีผลไม้ต่างๆออกผลมามากมายจึงเหมาะแก่การท่องเที่ยวหาชิมผลไม้หลาก ชนิด
ฤดูใบไม้ร่วง 秋 「aki」 (กันยายน-พฤศจิกายน) : ช่วงนี้อากาศกำลังเย็นสบาย ใบไม้ค่อยๆเปลี่ยนสีจากเขียวเป็นแดง ส้ม และเหลือง จนได้ชื่อว่าฤดูใบไม้แดง ผู้คนก็จะออกไปชมดอกไม้เปลี่ยนสีตามสวนและตามสถานที่ต่างๆกันอย่างคึกคักจัด ได้ว่าเป็นฤดูที่มีสีสันที่สุดตามป่าเขา หลังจากใบไม้เปลี่ยนสีก็จะปลิวร่วงลงดินเหมือนสายฝน ต้นไม้บางชนิดหลังจากใบร่วงหมดก็จะแตกช่อออกดอกมาให้ชมความงามกันด้วย
จาก http://www.siamkane.com/content.php?id=133

เกี่ยวกับประเทศญี่ปุ่น 日本について [ ni hon ni tsui te

เกี่ยวกับประเทศญี่ปุ่น
日本について 「ni hon ni tsui te」
ลักษณะทางภูมิศาสตร์  地理。 chiri」

พื้นที่ :
ตั้งอยู่ที่ละติจูด
ประชากร :
อายุเฉลี่ย :
เมืองหลวง :
เวลา :
377,435 ตร.กม.
20-45 องศาเหนือ
130 ล้านคน
ชาย 77 ปี ส่วนหญิง 84 ปี
โตเกียว
ญี่ปุ่นเร็วกว่าไทย 2 ชั่วโมง
จำนวนประชากรตามหัวเมืองใหญ่ๆ
โตเกียว 12,059,000 คน
โยโกฮาม่า 3,426,000 คน
โอซาก้า 2,598,000 คน
นาโงย่า 2,171,000 คน
ซัปโปโระ 1,822,000 คน
โกเบ 1,493,000 คน
ฟุคุโอกะ 1,290,000 คน
เซ็นได 1,008,000 คน


ลักษณะภูมิประเทศ  地形。「chisei」

ญี่ปุ่นประกอบด้วยเกาะสำคัญๆ 5 เกาะ และมีเกาะเล็กเกาะน้อยอีกเกือบ 4,000 เกาะ ดังนี้
เกาะฮ็อกไกโด (HOKKAIDO)เกาะนี้จะอยู่ทางตอนเหนือสุดของญี่ปุ่น ใกล้กับรัสเซีย มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองมีพื้นที่ 83,451 ตร.กม. บนภูเขาจะปกคลุมด้วยต้นไม้ประเภทสน เกาะฮอกไกโดเชื่อมต่อกับเกาะฮอนชูด้วยอุโมงค์ลอดใต้ทะเล
เกาะฮอนชู (HONSHU)เป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดและมีประชากรมากกว่าเกาะอื่นๆของประเทศญี่ปุ่น สถานที่สำคัญๆ เช่นเมืองหลวงโตเกียว ก็อยู่บนเกาะนี้ มีพื้นที่ 231,045 ตร.กม.เกาะนี้เป็นศูนย์กลางในทุกๆด้าน ทั้งการเมืองการปกครอง วัฒนธรรมและอุตสาหกรรม เป็นต้น มีเมืองท่าที่สำคัญเช่น โกเบและโยโกฮามา ภูเขาไฟที่มีชื่อเสียงและสูงที่สุดในญี่ปุ่นก็อยู่บนเกาะนี้เช่นกัน
เกาะชิโกกุ (SHIKOKU)เป็นเกาะที่มีพื้นที่เล็กที่สุดในจำนวนเกาะหลักๆทั้ง 5 นี้ ด้วยพื้นที่ 18,783 ตร.กม.
เกาะคิวชู (KYUSHU)เกาะ นี้จะอยู่ทางตอนใต้ของญี่ปุ่น มีพื้นที่ 42,154 ตร.กม. มีอากาศอบอุ่นและมีฝนตกมาก ทางตอนบนของเกาะเป็นเขตอุตสาหกรรมส่วนทางตอนใต้เป็นเขตเกษตรกรรมที่สำคัญ เกาะคิวชูถูกเชื่อมติดกับเกาะฮอนชูด้วยอุโมงค์ใต้ทะเลและสะพาน
เกาะโอกินาวา (OKINAWA) ประกอบไปด้วยเกาะน้อยใหญ่อยู่กระจัดกระจายมีพื้นที่รวมทั้งหมด 2,265 ตร.กม. ภูมิอากาศเป็นแบบกึ่งเขตร้อนในทะเลมีหินปะการังสวยงามและเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ
ภูเขาไฟระเบิดและแผ่นดินไหว
ในญี่ปุ่นยังคงมีภูเขาไฟที่ยังไม่สงบอีกราว 60 ลูก จากทั้งหมด 186 ลูก หลายคนที่ต้องการไปเที่ยวญี่ปุ่นเพื่อต้องการเห็นภูเขาไฟระเบิดและสัมผัส แผ่นดินไหวว่าเป็นอย่างไร(เป็นการผจญภัยแบบเสี่ยงๆอ่ะนะ) แผ่นดินไหวเกิดขึ้นบ่อยกว่าภูเขาไฟระเบิดมาก จนกลายเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นประจำในญี่ปุ่น โดยเฉพาะโกเบ ที่ได้รับประกาศอย่างเป็นทางการว่าเป็นเขตแผ่นดินไหว ภูเขาไฟฟูจิเป็นภูเขาที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น คือสูง 3,776 เมตร ในวันที่ฟ้าเปิดเราจะสามารถมองเห็นภูเขานี้ได้จากทุกทิศของกรุงโตเกียวและ บริเวณใกล้เคียง
เขตภูเขาและเขตเมือง
พื้นที่ส่วนใหญ่ของเกาะจะเป็นภูเขา แต่คนญี่ปุ่นกลับนิยมอยู่รวมกันตามที่ราบชายฝั่งหรือหุบเขา (ไม่อยู่บนเขา เป็นชาวเขาเหมือนบ้านเรา) จนเกิดเป็นชุมชน แต่ด้วยการเดินทางที่ยากลำบากมีเขาหรือหุบเขากั้น ทำให้แต่ละชุมชนจะมีลักษณะพึ่งตัวเอง มีสังคมที่มีลักษณะเฉพาะตัว ส่วนเขตเมืองนั้น ญี่ปุ่นจะมีพื้นที่ราบใหญ่ที่สุดบริเวณใจกลางอ่าวโตเกียว คือที่ราบคันโต(Kanto), ที่ราบโทโฮกุ(Tohoku)ทางตอนเหนือของฮอนชู ที่ราบในฮ็อกไกโด และที่ราบเขตอุตสาหกรรมนาโงย่า-โอซาก้า ที่ราบเหล่านี้เป็นศูนย์รวมทรัพยากร จึงทำให้มีประชากรหนาแน่น เขตอุตสาหกรรมที่สำคัญตั้งอยู่บริเวณคันโตและคันไซ ซึ่งมีโตเกียวและโอซาก้าเป็นศูนย์กลางตามลำดับ

ทรัพยากรธรรมชาติ
ญี่ปุ่นมีทรัพยากรป่าไม้มาก ภูเขาส่วนใหญ่เต็มไปด้วยป่าธรรมชาติและสวนป่า (อาจเป็นเพราะว่าคนของเขามีจิตสำนึกที่ดีและรัฐบาลก็ดูแลอย่างทั่วถึง ซึ่งถ้าเมืองไทยพวกนายทุนมีจิตสำนึกอย่างนี้บ้างคงจะดี ป่าบ้านเราคงไม่โล้นอย่างนี้) เกาะฮ็อกไกโดปกคลุมด้วยป่าสน ในขณะที่สามเกาะต่ำลงมาปกคลุมไปด้วยป่าไม้พลัดใบที่มีใบกว้างอย่างในเขตอบอุ่น ส่วนทรัพยากรธรรมชาติอื่นๆก็จะมีเหมืองถ่านหินในฮ็อกไกโดและคิดชู แต่ชุมชนคนงานเหมืองหลายแห่งกำลังลดน้อยลง ส่วนน้ำมันและแร่ธาตุ ล้วนแล้วแต่เป็นสินค้านำเข้า

จาก http://www.siamkane.com/geographic.php